วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558

คำจำกัดความ




คำจำกัดความ 










คำจำกัดความ  หรือที่เรียกว่า นิยาม  นั้นมีความหมายว่าอะไร
       โดยทั่วๆไป คนไทยเข้าใจความหมายของคำนี้อยู่แล้ว ไม่ต้องถามว่าคืออะไร และไม่สงสัยที่จะถามว่าคืออะไร แต่จะใช้ประโยชน์เมื่อต้องการความหมายของคำอื่นๆ ว่ามีนิยาม หรือคำจำกัดความไว้อย่างไร เมื่อรู้และหรือเข้าใจนิยามของคำใดคำหนึ่งแล้ว ย่อมมีผลทำให้กิจกรรมที่เกี่ยวข้องต่างๆดำเนินไปได้อย่างถูกต้อง
คำจำกัดความ คือ คำ ที่ถูกใช้เพื่อ จำกัดความ
- จำกัด คือ อยู่ในขอบเขต หรือ เป็นไปตามที่กำหนด
- ความ คือ การขัดแย้ง หรือ การเห็นต่าง เช่น เมื่อเป็นความ ต้องใช้ทนายความแก้ต่างกัน
สรุปว่า คำจำกัดความ คือคำที่อธิบายความหมายให้เข้าใจตรงกันมากที่สุด หรือเข้าใจแย้งกันน้อยที่สุด 
จากพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525
- คำ น. เสียงพูด หรือลายลักษณ์อักษรที่เขียนหรือพิมพ์ขึ้นเพื่อแสดงความคิด                         
- จำกัด ก.กำหนดหรือขีดคั่นไว้โดยเฉพาะ
- จำกัดความ ก.ให้ความหมายอย่างกะทัดรัด , กำหนดความหมาย
- ความ น.เรื่อง
- นิยาม น.กำหนดหรือจำกัดความหมายที่แน่นอน
- เฟื่อง น.ฟุ้ง กระจาย 

คำจำกัดความ ในความหมายของผู้เขียนที่ระบุว่า ให้เข้าใจตรงกันมากที่สุด หรือเห็นแย้งกันน้อยที่สุด นั้น เป็นการชี้ว่า การเข้าใจต่อเรื่องใดๆ ของคนนั้น ไม่อาจจะเห็นหรือเข้าใจตรงกันได้โดยสมบูรณ์ จึงได้ฟังอยู่บ่อยๆถึงคำที่ว่า เข้าใจทุกภาษา ยกเว้นภาษาคน

ยกตัวอย่างให้ทันสมัย คือคำว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือInformation Technology = IT (ไอ-ที) เป็นคำพูดที่ถูกนำมาใช้ตามกระแสโลกคอมพิวเตอร์ เป็นคำที่มีผู้ให้คำจำกัดความไปในทางเดียวกันมากหลาย ทำให้ผู้คนเข้าใจไปในทิศทางเดียวกันมากหลายด้าน และมีการนำเสนอไปในทิศทางเดียวกันหลากหลายรูปแบบ
คณะรณรงค์ปีไอทีแห่งประเทศไทย (Thailand IT Year) ได้สรุปภายหลังการรณรงค์ว่า การรณรงค์นั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ประชาชนไทยตื่นตัวและรู้จักคำว่า ไอที อย่างกว้างขวาง แม้ว่าจะยังไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง
โดยความเป็นจริงแล้ว ปัจจุบันนี้คนไทยรู้จักไอที และสนใจที่จะใช้ประโยชน์กันอย่างกว้างขวาง นับว่าเป็นความสำเร็จของการรณรงค์ ที่เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง มีการใช้ประโยชน์จริงได้ประโยชน์จริง เป็นการเสริมคุณภาพชีวิตของคนไทยอีกทางหนึ่ง

คุณภาพชีวิตของมนุษย์ มีวิวัฒนาการตามลำดับตั้งแต่ การเรียนรู้ที่จะปฏิวัติเกษตรกรรม ที่นำผู้คนมาอยู่รวมกันเป็นหมู่เป็นเหล่า มาสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรม ที่ช่วยลดแรงงานมนุษย์ และถึงการปฎิวัติเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งส่งผลด้านความสะดวกสบาย เป็นคุณภาพชีวิตที่สุดยอดให้แก่มนุษย์ในปัจจุบัน

http://www.rta.mi.th/chukiat/story/word_thai.htm

นิยาม 5

นิยาม 5













นิยาม 5 หมายถึง กำหนดอันแน่นอน, ความเป็นไปอันมีระเบียบแน่นอนของธรรมชาติ, กฎธรรมชาติ อันครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปตามกฎทั้ง 5 ประการนี้ ได้แก่
  1. อุตุนิยาม (physical laws) คือ กฎธรรมชาติเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น อุณหภูมิ ดินฟ้าอากาศ สิ่งแวดล้อม
  2. พีชนิยาม (biological laws) คือ กฎธรรมชาติที่เกี่ยวกับพันธุกรรม กระบวนการถ่ายทอดข้อมูลของสิ่งมีชีวิตทั้งพืช สัตว์ เชื้อโรค ผ่านการสืบพันธุ์
  3. จิตนิยาม (psychic law) คือ กฎธรรมชาติเกี่ยวกับการทำงานของจิต เจตสิก
  4. กรรมนิยาม (Karmic Laws) คือ กฎแห่งกรรม คือกฎแห่งการกระทำและผลของการกระทำ
  5. ธรรมนิยา (General Laws) อันได้แก่กฎไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา                                                                                                                                                                                                                     https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A1_5

ความงาม

นิยามความงาม


ความงามและสุนทรียศาสตร์

การจะเข้าใจถึงธรรมชาติและความหมายของความงามนั้น จำเป็นที่จะต้องเข้าใจถึงหลักปรัชญาของสุนทรียศาสตร์ ในสุนทรียศาสตร์นั้นมีนักปรัชญาหลายกลุ่ม รวมถึงกลุ่มที่เชื่อว่าความงามนั้นเป็นสิ่งที่ขึ้นอยู่กับผู้รับรู้ (subjective) และอีกกลุ่มที่เชื่อว่าความงามนั้นมีค่าที่เที่ยงแท้ (absolute, objective)
นอกจากนั้นยังมีนักปรัชญา เช่น โรเบิร์ต ชูมันน์ (Robert Schumann) ที่เป็นทั้งคีตกวีและนักวิจารณ์ ที่มีความเห็นว่าความงามนั้นจัดได้เป็นสองประเภท คือความงามโดยธรรมชาติ และความงามที่เกิดโดยมนุษย์. ความงามที่เกิดโดยธรรมชาติคือการสัมผัสและรับรู้ถึงสิ่งงามที่ปรากฏในธรรมชาติ แต่ความงามที่เกิดโดยมนุษย์คือสิ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์และเข้าไปเกี่ยวข้องในธรรมชาติ ชูมันน์ยังบอกอีกว่าในศิลปะ มีความงามทั้งสองชนิดปรากฏอยู่ เพียงแต่ความงามโดยธรรมชาติคือความสุนทรีย์ทางอารมณ์ และความงามที่เกิดโดยมนุษย์คือความเข้าใจในผลงานศิลปะชิ้นนั้น

ทฤษฎีเรื่องความงาม

ทฤษฎีเรื่องความงามนั้นสามารถพบได้ตั้งแต่ยุคสมัยนักปราชญ์กรีกก่อนโสกราตีส เช่น พีทาโกรัส ซึ่งพีทาโกรัสก็ได้สันนิษฐานถึงความสัมพันธ์ระหว่างคณิตศาสตร์และความงาม พีทาโกรัสสังเกตว่าสิ่งที่มีสัดส่วนตามสัดส่วนทองคำ (อัตราส่วนทองคำ golden ratio) การวิจัยในปัจจุบันก็พบว่ามนุษย์ที่มีหน้าตาที่สมดุลและเป็นสัดส่วนตาดสัดส่วนทองคำมักจะถูกมองว่างามกว่าคนอื่นๆ นี่เป็นหนึ่งในทฤษฏีหนึ่งที่อยู่บนพื้นฐานว่าความงามนั้นมีค่าที่เที่ยงแท้และไม่เกี่ยวข้องกับผู้รับรู้
ทฤษฏีที่ว่าความงามนั้นขึ้นอยู่กับผู้รับรู้กล่าวว่า ความงามเป็นเพียงสิ่งที่จิตใจมนุษย์ให้ค่าหรือตัดสิน ฉะนั้นความงามจึงเป็นสิ่งที่จิตสร้างขึ้น และอาจเปลี่ยนแปลงตามสภาวะของคนๆใดคนหนึ่งในเวลาใดเวลาหนึ่ง
ชาวอินเดียโบราณขนานนามความงามว่าเป็นสิ่งที่ใหม่อยู่เสมอ เป็นสิ่งที่นำพาจิตใจออกจากโลกที่เต็มไปด้วยความเก่าแก่และความเบื่อหน่าย

ความงามทางคณิตศาสตร์

นิยามของความงามยังครอบคลุมถึงคณิตศาสตร์ นักศณิตศาสตร์หรือผู้ที่หลงใหลในตัวเลขสามารถที่จะมีความเพลินและพึงพอใจกับการ "เล่น" หรือ "คำนวณ" คณิตศาสตร์. แม้แต่สูตรคณิตศาสตร์ ยังมีผู้ที่ชื่นชมว่างาม อย่างเช่น e^{i \pi} + 1 = 0 \,\! หรือที่เรียกกันว่า เอกลักษณ์ของออยเลอร์ ยังมีอีกหลายคนที่เห็นความงามเมื่อมองดูวิธีคิดหาคำตอบในคณิตศาสตร์ ดั่งที่เอ็ดน่า เซนท์วินเซนท์ มิลเลย์กล่าวไว้ถึงเรขาคณิตของยุคลิดว่า "มีเพียงยุคลิดที่มองเห็นความงดงามแท้"
ความสัมพันธ์อีกอย่างหนึ่งระหว่างคณิตศาสตร์และความงามคือดนตรี พีทาโกรัสเองมีทฤษฏีเกี่ยวกับวิธีที่ตัวโน้ตสัมพันธ์กันและความยาวของสายที่ให้กำเนิดเสียงนั้น
สัดส่วนทองคำ หรือ Golden Ratio (ซึ่งแทนด้วยตัวอักษรกรีก ฟี Φ) มีค่าประมาณ 1.618:1 และเป็นสัดส่วนที่ผู้คนมักให้ความเห็นว่างาม นั่นคือ สถาปตยกรรมที่มีสัดส่วนนี้ หรือสิ่งของในธรรมชาติเช่นเปลือกหอยนอติลุส (nautilus) มักดูงามกว่าสิ่งที่ขาดสัดส่วนนี้ไป

ความงามในสังคมมนุษย์

การวิจัยของมหาวิทยาลอนดอน กิลด์ฮอลล์ ที่มีผู้เข้าร่วมถึง 11,000 คน แสดงให้เห็นว่าคนที่หน้าตาดีมักมีรายได้มากกว่าคนที่หน้าตาดีน้อยกว่า (ตามผลสำรวจความเห็น) ถึง 13% และบุคคลที่น้ำหนักเกินนั้นรายได้น้อยกว่าคนอื่น 5% โดยเฉลี่ย
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%A1

นิยามของความสุข...

นิยามของความสุข...










           คนที่มีความสุขที่สุดในโลกไม่ใช่คนที่ร่ำรวย คนที่มีความสุขที่สุดในโลกไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จ แต่คนที่มีความสุขที่สุดในโลกคือ คนที่มีความสบายใจเท่านั้นเอง 

และความหมายของความสบายใจ คือ หนึ่ง เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น เชื่อว่าคุณมีดี คุณน่าคบหา และคุณทำได้ 
สอง รู้จักตัวเอง ยอมรับในข้อบกพร่องของตัวเอง และพร้อมจะปรับปรุงเสมอ 
สาม ไม่ดื้อดึง ถ้าวันวานคุณเคยทำผิดพลาด คุณก็ยินยอมเปลี่ยนแปลงและรับฟังคนอื่น 
สี่ เห็นค่าของตัวเอง คุณไม่คิดว่าตัวเองช่างไร้ค่า คุณจึงมีความสุขในใจเสมอ 
ห้า วิ่งหนีความทุกข์ เมื่อรู้ตัวว่าตกลงไปในความทุกข์ คุณก็รีบหาทางหลุดพ้น ไม่จมอยู่กับมัน 
หก กล้าหาญเสมอ คุณกล้าเปลี่ยนแปลงและกล้ารับมือกับสิ่งแปลกใหม่หรือปัญหาต่างๆ 
เจ็ด มีความฝันใฝ่ เมื่อชีวิตมีจุดหมาย คุณก็จะเดินไปบนถนนชีวิตอย่างมีความหวัง ไม่เลื่อนลอย 
แปด มีน้ำใจอาทร คุณพบความสุขในใจเสมอถ้าเป็นผู้ให้แก่ผู้อื่น โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน 
เก้า นับถือตัวเอง ไม่ดูถูกตัวเองด้วยการลดคุณค่าและทำในสิ่งที่เสื่อมเสียต่อตัวเอง สิบ เติมสีสัน สร้างรอยยิ้มให้ชีวิตของคุณและคนรอบข้าง รู้จักหยอกล้อคนอื่น ๆ และตัวเองด้วย 
ความสุขนั้นคือพอใจกับวิถีชีวิตของตัวเอง และวางฝันของตัวเองตามกำลังที่ตนทำได้ การได้รับวัตถุและความสำเร็จในหน้าที่การงาน ทำให้คุณพึงพอใจและยกระดับฐานะของคุณเท่านั้น เป็นการสร้างเสริมความสุขเพียงภายนอก และมันมิได้อยู่กับคุณอย่างมั่นคงถาวรตลอดไป 
เพราะคนเรานั้นย่อมมีความต้องการเพิ่มขึ้นเสมอไม่มีวันหยุดนิ่ง 
ความสุขที่แท้จริงเกิดจากข้างในจิตใจของคนเรา และถ้าจิตใจของคุณไม่ว่าง เต็มไปด้วยอารมณ์อันตรายต่าง ๆ ความสุขก็จะเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง เพราะความสุขนั้นมักเกิดขึ้นท่ามกลางความสงบเสมอ
ชีวิตของคนเรานั้นไม่ยืนยาวนัก คุณสามารถหาความสุขให้ตัวเองได้ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องมุ่งหวังยามแก่เฒ่า ค่อยอยู่อย่างสงบสุขอย่างที่หลายคนเชื่อกัน เชื่อเถอะ เราจะสามารถมีความสุขที่สุดในโลกได้ ในตอนนี้ ถ้าเราเริ่มจากตัวเราเอง !!! 



http://www.oknation.net/blog/sippakwa/2008/08/02/entry-1

ความหมายของคำว่าเพื่อน


ความหมายของคำว่าเพื่อน 
























เพื่อนคือ ... ยิ่งกว่าแฟนก้อว่าได้ ไม่ตามใจมัน ก็ไม่ด่า แต่ถ้ามันไม่ตามใจเราก็ด่าได้ โดยที่มัน และเราไม่โกรธกัน
เพื่อนเมื่อโกรธกันสามารถกลับมาคืนดีกันได้โดยไม่ต้องเก็บความสงสัยว่า
เรื่องที่โกรธกันคืออะไร ผ่านแล้วก็ผ่านไป
เพื่อนคือที่พึ่งยามเป็นทุกข์   เพื่อนคือที่ปรึกษา ตั้งแต่เรียน ทำงาน จนจะแต่งงาน! ก็ยังต้องปรึกษามัน

เพื่อนคอยสับรางเวลารถไฟจะชน
เพื่อนคอยโกหกพ่อแม่เวลาไปเที่ยวแต่บอกว่าไปทำงาน
เพื่อนคอยบอกแฟนว่าเรากำลังอยู่กับมัน ทั้งที่จริงเราไม่ได้อยู่กับมันหรอก

และเพื่อนก็คือคนจ่ายค่าข้าวเวลาเราไม่มีเงิน ' เพื่อน ' คือ ทุกอย่าง

มีผู้ .... ที่เคยคบกันถามว่าจะให้เลือกหนึ่เดียว ระหว่างเค้าซึ่งคบกันมา 1 ปี
กับเพื่อนซึ่งคบมาประมาณ 15 ปี ว่าคุณจะเลือกใคร
ตอบแบบได้แบบไม่ต้องคิดเลยว่า ' เพื่อน '
ซึ่งเค้าก็บอกว่าตอบผิดตอบใหม่ได้นะ
เราก็บอกว่าตอบถูกแล้ว เพราะเค้าเห็นว่าเรารักเพื่อนมากกว่า แต่ไม่ใช่

ถัาเราจะต้องเอาคนเข้ามาในชีวิตอีก 1 คน
ซึ่งก็ยังไม่รู้อะไรกันมาก
กับเสียคนที่เรารู้จกกันมาเป็น 10 ปี
เราว่าทุกคนก็ต้องมีคำตอบเหมือนกับเรา
เพราะทั้งสำหรับคนทั้งสองกลุ่ม
เราไม่สามารถเอาแต่ละคนมาบวกและลบกันเพื่อให้ผลลัพธ์เป็นศูนย์

เพราะฉะนั้นทุกคนต้องเลือกสิ่งที่มีค่ามากกว่า และสิ่งที่เราเลือก สิ่งนั้นก็คือ *****'' เพื่อน ''****
' some time happy… some time sad… but all time friend '

บทส่งท้าย ถ้าเราสนุก ไปเที่ยวโดยไม่มีเพื่อน แล้วเล่าให้มันฟัง
มันก็ไม่ว่าอะไร .... แล้วถ้าเราเที่ยวแล้วเกิดปัญหา เราตามตัวมันมา
มันเคยพูดไหมว่า '* ไม่สน * เที่ยวแล้วไม่ชวน * * '
คำพูดอย่างนี่จะไม่มีจากปากเพื่อน

จะแต่ว่า ' อยู่ตรงไหน เป็นอะไร ' แล้วก็ลงท้ายว่า * จะรีบไป ....
อย่าลืมส่งต่อให้เพื่อนคนที่คุณรักด้วยนะ 
 http://www.kidbuak.com/Friend_1.html

นิยามความรัก





นิยามความรัก











1. การรักและไม่ได้รับรักตอบ เป็นทุกข์ แต่สิ่งที่ทุกข์ยิ่งกว่า คือการรักใครสักคน แต่ไม่มีความกล้าพอที่จะบอกให้คนคนนั้นรู้ และต้องมาเสียใจภายหลัง
2. พระเจ้าอาจจะต้องการให้เราพบคนที่ไม่ใช่..ก่อนที่จะมาพบคนที่ใช่ เพื่อเวลาเราพบคนคนนั้นแล้ว เราจะได้รู้สึกซาบซึ้งถึงพรที่ท่าน ประทานมา
3. ความรักคือความรู้สึกที่คุณยังห่วงใยใครสักคนอยู่ แม้จะแยกความ รู้สึก ความลุ่มหลง และความสัมพันธ์แบบรักใคร่ออกไปแล้ว
5. เมื่อประตูแห่งความสุขปิดลงประตูแห่งความสุขบานอื่นก็จะเปิดขึ้น แต่เราก็มัวแต่มองประตูที่ปิดลงไปแล้วเนิ่นนานจนกระทั่งเรามองไม่เห็นประตูที่เปิดไว้รอ
6. พื่อนที่ดีที่สุดคือคนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกันโดยไม่พูดอะไรกันสักคำ แต่สามารถเดินจากไปด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกัน อย่างประทับใจที่สุด
7. เป็นความจริงที่เราไม่สามารถรู้เลยว่าเรามีอะไรอยู่จนกว่าเราจะสูญเสียมันไป แต่ก็จริงอีกเช่นกันที่เราไม่รู้ว่าเราพลาดอะไรไปบ้างจนกระทั่งสิ่งนั้นเข้ามาหาเรา
8. การมอบความรักทั้งหมดให้ใครสักคนไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเขาจะรักเราตอบ อย่าหวังที่จะได้รักตอบ แต่จงรอให้มันงอกงามขึ้นในหัวใจเขา แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ให้พอใจว่าอย่างน้อยมันก็ได้งอกงามขึ้นในใจของเราเอง
9. มีสิ่งที่คุณต้องการจะได้ยิน แต่คุณจะไม่ได้ยินมันจากปากของคนที่คุณอยากได้ยิน แต่อย่าทำตัวเป็นคนหูหนวกโดยไม่รับฟังสิ่งนั้นจากคนที่เขาบอกกับคุณจากหัวใจ
10. อย่าบอกลาถ้าคุณยังต้องการจะพยายามต่อไป อย่าท้อใจถ้าคุณยังรู้สึกว่าคุณไปไหว อย่าพูดว่าคุณไม่รักคนคนนั้นอีกแล้ว ถ้าคุณไม่สามารถทำใจ




11. ความรักมักมาเยือนผู้ที่ยังคงหวัง ถึงแม้ว่าจะผิดหวัง และมาเยือนผู้ที่ยังคงเชื่อ ถึงแม้ว่าจะถูกทรยศหักหลัง และจะมาเยือนผู้ที่ยังคงรัก ถึงแม้จะเคยเจ็บปวดมาก่อน
12. การที่เราจะประทับใจใครนั้นใช้เวลาแค่เพียงนาที การที่เราจะชอบใครใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมง การที่เราจะรักใครใช้เวลาเพียงชั่ววัน แต่การที่จะลืมใครนั้นต้องใช้เวลาชั่วชีวิต
13. อย่ามองใครจากหน้าตา เพราะมันอาจหลอกเราได้ อย่ามองใครจากความร่ำรวย เพราะมันไม่จีรังยั่งยืน ให้มองหาคนที่ทำให้คุณยิ้มได้ เพราะเพียงยิ้มเดียว สามารถทำให้วันที่หม่นหมองกลับสดใส ขอให้คุณพบคนที่ทำให้คุณยิ้มได้
14. มีช่วงเวลาในชีวิตที่คุณคิดถึงใครสักคนจนกระทั่งอยากดึงเขา มาจากความฝันเพื่อกอดเอาไว้ขอให้คุณได้ฝันถึงคนพิเศษนั้น
15. ฝันถึงสิ่งที่คุณต้องการฝันไปในที่ที่คุณต้องการไปเป็นในสิ่งที่คุณต้องการเป็น เพราะคุณมีเพียงชีวิตเดียว และมีโอกาสเดียวที่จะทำทุกสิ่งที่คุณต้องการ
16. ขอให้คุณมีความสุขมากพอที่จะทำให้คุณเป็นคนอ่อนหวาน ผ่านการทดสอบมามากพอที่จะทำให้คุณเข้มแข็ง มีความเศร้าโศกพอที่จะทำให้คุณยังคงความเป็นมนุษย์ และมีความหวังมากพอที่จะทำให้คุณเป็นสุข
17. เอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าคุณรู้สึกว่าสิ่งนั้นจะทำให้คุณเจ็บปวด รู้ไว้เถอะว่าคนอื่นก็เจ็บปวดจากสิ่งเดียวกันเช่นกัน
18. คำพูดที่ไม่ได้ยั้งคิดอาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง คำพูดที่โหดร้ายอาจทำลายชีวิต คำพูดที่เหมาะกาละเทศะอาจลดความเครียด คำรักอาจเยียวยาและทำให้มีสุข
19. จุดเริ่มของความรักคือการปล่อยให้คนที่เรารักเป็นตัวของตัวเอง อย่าดึงเขาจากภาพความเป็นเขา มิฉะนั้นจะหมายความว่ามันเป็นเพียงภาพสะท้อนของตัวเรา ที่ปรากฎในพวกเขา
20. คนที่มีความสุขที่สุดไม่ได้หมายความว่าเขามีสิ่งที่ดีที่สุด เพียงแต่เขาสามารถทำสิ่งที่เขามีให้ดีที่สุดได้ต่างหาก



21. ความสุขรออยู่เบื้องหน้าผู้ที่มีน้ำตา ผู้ที่เจ็บปวด ผู้ที่ค้นหา และผู้ที่ พยายามแล้ว เพราะมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้จักคุณค่า-ของผู้คนที่ได้สัมผัสชีวิต
22. ความรักเริ่มต้นด้วยรอยยิ้ม งอกงามด้วยรอยจูบ และจบลงด้วยคราบน้ำตา
23. อนาคตที่สดใสมีรากฐานอยู่บนอดีตที่แสนเจ็บปวด คุณไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ดี ถ้าหากไม่รู้จักปล่อยวางความผิดพลาดในอดีต และความปวดใจ
24. คุณร้องไห้ตอนคุณเกิดในขณะที่คนรอบข้างกำลังยิ้ม จงมีชีวิตอยู่เพื่อเมื่อตอนคุณตาย คุณจะเป็นคนที่ยิ้ม ในขณะที่คนรอบข้างร้องไห้ให้คุณ
25. ความรักก็เหมือนกับการเสี่ยง คุณอาจจะต้องพบกับความล้มเหลว แต่ถ้าคุณไม่เสี่ยง คุณก็อาจจะต้องพบกับความล้มเหลวตลอดไป
26. ความรัก มักเหมือนแก้วบาง ถ้าหากคุณมือหนัก แก้วที่คุณถือ ก็อาจจะต้องแตกร้าวทุกครั้งที่คุณใช้มัน
28. ความรัก เป็นเรื่องง่ายๆ ที่จะรักษามันไว้กับใจ หากคนทั้งคู่ ไม่ โง่…










http://teen.mthai.com/love/25767.html